ฮัลโหลลล เฮลโล้ววว เหนโลวว (Hello) สวัสดีค่าทุกคน เริ่มบทความมาทุกคนเห็นอะไรที่แตกต่างกันไหมคะ? ถูกต้องแล้วค่ะ นั่นคือเรื่องของการออกเสียงหรือสำเนียงการพูดนั่นเอง เพราะขนาดแค่คำว่า Hello เรายังออกเสียงกันไปต่างๆนานาตามอรรถรส วันนี้เราก็เลยจะมาพูดถึงสำเนียงของภาษาอังกฤษที่นิยมใช้กันทั่วโลกกันค่ะ เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก การทำความเข้าใจในการสื่อสารต่อผู้อื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญนะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
เริ่มจากสำเนียงเกิดจากอะไร? ทำไมเราถึงพูดไม่เหมือนกัน? นั่นก็เพราะว่า เกิดจากการที่คนเราออกเสียงแบบลักษณะเฉพาะแบบรายละบุคคล เรียกได้ว่า หนึ่งคนหนึ่งสำเนียงเลยก็ว่าได้ ทีนี้ ถามว่าทำไมเราถึงออกเสียงไม่ได้เหมือนกัน สาเหตุอาจมาจากทั้งปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เรื่องของกายภาพ การเกิด ชาติพันธุ์ หรือ อิทธิพลจากภาษาบ้านเกิดของเราที่ทำให้เราเคยชินกับรูปปาก การออกเสียงที่เราไม่คุ้นชินจึงยากออกไป
ทีนี้เรามาดูกันบ้างดีกว่าค่ะ ในโลกใบนี้เขานิยมใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงแบบไหนกัน แล้วเราต้องรับมือทำความเข้าใจอย่างไรเพื่อที่จะสามารถสื่อสารกันอย่างรู้เรื่อง
British Accent
ภาษาอังกฤษแบบบริทิชของประเทศอังกฤษที่ใครต่อใครฟังแล้วก็บอกว่าสำเนียงผู้ดี จนบ้างก็บอกว่าฟังยากจัง แต่ใครจะรู้ว่า สำเนียงบริทิชจริงๆแล้วมีชื่อเรียกว่า “Received Pronunciation” หรือเรียกแบบย่อว่า RP หรือในภาษาไทยจะเรียกว่า สำเนียงภาษาอังกฤษแบบมาตรฐาน แต่อยากจะบอกว่าแม้แต่ในประเทศอังกฤษเองก็ยังสำเนียงบริทิชที่แตกแยกย่อยออกมาหลากหลายสำเนียงตามภูมิภาคหรือภาษาถิ่น ยกตัวอย่างเช่น Cockney accent หนึ่งในภาษาถิ่นของทางประเทศอังกฤษ พบได้ในแถบ East of London หรือ Scouseaccent สำเนียงที่ใช้ในเมืองลิเวอร์พูลนั่นเองค่า
American Accent
สำเนียงแบบอเมริกันสไตล์ที่บอกได้เลยว่าฮอตฮิตติดลมบนมาอย่างยาวนาน อาจจะเนื่องด้วยในวิชาภาษาอังกฤษของบ้านเราค่อนข้างจะเน้นไปทางอเมริกันเสียมากกว่า ทำให้คนไทยเราสามารถฟังและทำความเข้าใจภาษาอังกฤษแบบสำเนียงอเมริกันได้ง่าย ซึ่งหากว่าน้องๆต้องการจะฝึกภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันนั้นก็ง่ายมาก เพราะในปัจจุบันนั้นสื่อออนไลน์รวมถึงหนังภาพยนตร์ก็มีหลากหลายให้ฝึกทั้งได้ความรู้และความบันเทิงไปในตัวค่ะ
Aussie Accent
Test หลายคนคงเคยได้ยินว่าบ้างว่าภาษาอังกฤษสำเนียงออสซี่ หรือภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลียเนี่ยฟังยากจัง ไม่คุ้นหูเลย ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับสำเนียงออสซี่กันเลย ซึ่งสำเนียงออสซี่จะมีความคล้ายไปทางฝั่งของประเทศอังกฤษ แต่สำหรับสาเหตุที่ทำให้ฟังยากนั้นอาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมการพูดที่ขยับปากน้อย พูดเร็ว ย่อคำ หรือมีคำศัพท์ที่ทับศัพท์หรือศัพท์แสลงที่มีรู้กันเฉพาะถิ่นหรือภาษาของชาวอะบอริจินอีกด้วย ทำให้ผู้ฟังหลายๆคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าใจยาก! วันนี้ทางเราก็จะบอกเคล็ดไม่ลับและวิธีทำความเข้าใจกับภาษาอังกฤษสำเนียงออสซี่กันค่า ตัวอย่างเช่น สระเสียง “อิ” / i/ ก็จะโดนลากเสียงยาวออกมาอีกจนเป็นสระอี หรือถ้าเป็นคำที่มีพยางค์ยาวๆ ก็บอกเลยว่าย่อเท่านั้นแล้วเติมสระต่อท้ายเข้าไปจะเป็น / e /หรือ / o / ค่ะเช่น Australian – Aussie, Chocolate- Chockie, football – footy, mosquito – mozzie, postman – postie
นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์แสลงที่ชาวออสซี่นิยมใช้กัน เช่น
G’day – สวัสดี
HooRoo– ลาก่อน
Dunno– ฉันไม่รู้
Mate – เรียกแทนใครก็ได้ แทนชื่อที่ต้องการเรียก
Quids– เงิน
Oldies – พ่อแม่
Kiwi Accent
อีกหนึ่งสำเนียงแห่งการฟังแล้วต้องหือ? ขมวดคิ้วแน่นอนค่ะกับภาษาอังกฤษสำเนียงกีวี่หรือภาษาอังกฤษสำเนียงนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้แต่ในประเทศนิวซีแลนด์เองก็ยังมีแยกย่อยสำเนียงออกมาอีกเรื่อยๆรวมถึงยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเฉพาะถิ่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วหากใครต้องการจะไปศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ก็อยากจะให้เตรียมตัวพร้อมรับกับสำเนียงกีวี่นี้เอาไว้ด้วยค่ะ ซึ่งวันนี้พี่จะมาเล่าเบื้องต้นให้ฟังกันค่ะว่าสำเนียงกีวี่จะเป็นอย่างไร
เริ่มจากสระที่เสียงเพี้ยนไปจากเดิม เช่น สระ “เอะ” / e / ก็จะบอกเสียงเป็นสระ “อิ” แทน หรือบางคำก็ออกเป็นสระอียาวๆแทน ยกตัวอย่างคำมาดังนี้
Bed บีด (เตียง)
Ten ทิน (สิบ)
Fence ฟินซ (รั้ว)
Yes ยีส (ใช่)
Best บีสท (ดีที่สุด)
สระต่อไปที่มีเสียงอื่นเช่น สระ“อิ” / i / ก็จะออกเป็นสระ “U” แทน ดังนั้นอาหารชื่อดังที่ทุกคนรู้จักว่า Fish and Chips ก็โดนออกเสียงเป็น Fush and Chupsแทนนั่นเอง และในส่วนของสระ “โอ” ไม่ได้เพี้ยนเป็นสระอื่นไกล เพียงแค่ จาก o เป็น oi ยกตัวอย่างคำง่ายๆคือ Hello เขียนเหมือนเดิมแต่ออกเสียงเป็น Helloiหรือคำว่า Know ก็ออกเสียงเป็น noi
นี่ยังไม่รวมเรื่องของการออกเสียงคำสั้นหรือออกเสียงของตัวสะกดไม่เต็มเสียงด้วยนะคะหรือเสียงพยัญชนะ “R”ที่ก็จะไม่ห่อลิ้นแบบบริทิชหรือไม่เน้นออกเสียง
Canada Accent
มาถึงสำเนียงสุดท้ายของวันนี้กันค่ะทุกคน นั่นก็คือภาษาอังกฤษสำเนียงแคนาเดี่ยนนั่นเอง เรามาดูกันว่าสำเนียงนี้มีความพิเศษอย่างไร มาเริ่มกันที่ สำเนียงนี้มีความผสมผสานกันอย่างแปลกใจเลยทีเดียวเนื่องด้วยสำเนียงการพูด การออกเสียงจะค่อนข้างคล้ายกับสำเนียงอเมริกันอาจจะเนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่ใกล้กันแต่ด้วยภาษาเขียนจะค่อนข้างคล้ายกับทางบริทิช ก็คือการสะกดคำแบบ colour, honour, คือมี U อยู่ในการการสะกด และสะกด Centre, theatreแบบฝั่งบริทิชอีกด้วยนอกจากนี้ในเรื่องหน่วยวัดมาตรวัดต่างๆก็ยังอิงของฝรั่งบริทิชอีกด้วยเช่น น้ำหนักเป็นปอนด์หรือส่วนสูงเป็นฟุต เรียกว่าสะกดแบบบริทิชแต่สำเนียงคล้ายอเมริกันกันไปเลย
สุดท้ายไม่ว่าสำเนียงขอแต่ละประเทศจะต่างกันยังไง แต่ภาษาก็คือสิ่งที่เราใช้ในการสื่อสาร ดังนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ประเทศไหน สำเนียงยังไง สำคัญคือความหมาย ประเด็นที่จะสื่อสาร และการความคิดที่อยู่ในภาษาที่จะสื่อสารออกไป ดังนั้นน้องๆไม่ต้องกังวลเรื่องสำเนียงการพูด กลัวการสื่อสาร สื่งเหล่านี้เราสามารถฝึกฝนกันได้ และไม่ต้องไปกลัวใครมาว่าเราเรื่องสำเนียง เพราะอย่างตัวอย่างข้างต้นก็มีสำเนียงที่แตกต่างถึง 5 สำเนียงแล้ว และยังมีอีกหลายสิบ หลายร้อยสำเนียงอังกฤษทั่วโลก
ใครสนใจไปเรียนประเทศไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ปรึกษาพี่ๆที่ GENT ได้เลยนะคะ